18 ตุลาคม 2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนนบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ,นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหารฯ ได้ร่วมในพิธีมอบนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขประจำปี 2565 ถ่ายทอดสดผ่านระบบออนไลน์ เพื่อให้ผู้บริหารของกระทรวง ในพื้นที่ต่างๆ รับทราบนโยบายร่วมกัน
นายอนุทิน กล่าวว่า ตั้งแต่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ตนและกระทรวงสาธารณสุข ต้องเจอความท้าทายมาโดยตลอด ทั้งฝุ่น PM 2.5 น้ำท่วม และวิกฤตโควิด 19 ซึ่งปัจจัยที่ทำให้การสาธารณสุขไทยประสบความสำเร็จ คือ พลังของคนสาธารณสุขที่ร่วมกันทำงานทั้งระดับนโยบาย หน่วยงาน จังหวัด และพื้นที่ โดยได้รับความร่วมมือ จากบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทุกภาคส่วน รวมถึง อสม. ที่ทุ่มเททำงานหนัก
แน่นอนว่า ฝ่ายผู้บริหาร เห็นความมุ่งมั่นและหาทางตอบแทนคนทำงาน เราได้ขับเคลื่อนการบรรจุข้าราชการใหม่ในสังกัด 45,242 ตำแหน่ง และได้ให้ค่าตอบแทนเงินเพิ่มพิเศษ 7 เดือน แก่ อสม. และพยายามจะผลักดัน ให้มีการจ่ายเพิ่มขึ้น สำหรับการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2565 คือ ต้องอยู่กับโควิด 19 อย่างปลอดภัย และเศรษฐกิจ ก็ต้องไปต่อได้ด้วย
ทั้งนี้ ขอให้บุคลากรทุกคนยึดมั่นแนวนโยบายของรัฐบาลและการสนองโครงการพระราชดำริ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศ์ทุกพระองค์เป็นภารกิจลำดับแรก การขับเคลื่อนระบบสุขภาพ ขอให้ยังเป็นไปตามวัตถุประสงค์ “ประชาชนแข็งแรง เศรษฐกิจไทยแข็งแรง ประเทศ ไทยแข็งแรง” มี 9 ประเด็นสำคัญ ได้แก่
1.การใช้มาตรการสาธารณสุขขับเคลื่อนและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทยทุกมิติ เพื่อเตรียมการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ โดยยึดความปลอดภัยของคนไทยเป็นสำคัญ 2.พัฒนาศักยภาพสถานพยาบาลของรัฐให้รองรับสถานการณ์วิกฤตโรคระบาด โรคอุบัติใหม่ และการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ
3.พัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพการแพทย์ปฐมภูมิทั้งเขตชุมชนและเขตเมือง วางเป้าจัดตั้งหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิ 3,000 ทีม จังหวัดละ 1 อำเภอ และสนับสนุนให้คนไทยทุกครอบครัว มีหมอประจำตัวครบ 3 คน30 ล้านคน
4.พัฒนาและเสริมศักยภาพ รพ.สต.เป็นศูนย์การสาธารณสุขประจำตำบล ให้บริการส่งเสริม ป้องกันรักษา ฟื้นฟู และคุ้มครองผู้บริโภค 5.บูรณาการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุแบบองค์รวมครบด้าน ทั้งสมอง จิตใจ ฟัน ตาหู และหัวใจ
6.พัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพงานบริการ ด้วยการต่อยอด 30 บาทรักษาทุกที่ เข้ารับบริการโดยไม่ต้อง มีใบส่งตัว เพื่ออ่านวยความสะดวก ลดความยุ่งยากด้านเอกสารและรายจ่ายของประชาชน 7.พัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพการรักษามะเร็งทุกที่ ทั้งการผ่าตัด เคมีบำบัด และรังสีรักษา
8.พัฒนาพืชสมุนไพร กัญชา กัญชง กระท่อมและภูมิปัญญาไทย เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ สร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้แก่ประชาชน และ 9.พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (ICT) เป็นศูนย์กลางข้อมูลสุขภาพประชาชน เพื่อเข้าถึงบริการสาธาณสุขส่วนบุคคลอย่างรวดเร็ว
“ตลอดขวบปีที่ผ่านมา เราสู้รบกับโควิด 19 ซึ่งเป็นปัญหาที่หนักหนาสาหัส มีแรงเสียดทานต่างๆ เข้ามา แต่เราสามารถตั้งสติ มุ่งมั่น ตั้งใจ และสามารถฝ่าวิกฤติไปได้ ในปีหน้า ประเทศไทย ต้องสามารถอยู่กับโรคให้ได้ และต้องอยู่อย่างปลอดภัย รัฐบาลจะต้องเดินหน้าฟื้นเศรษฐกิจ ประชาชน จะต้องกลับมาใช้ชีวิตได้ ทำมาหากินได้ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะต้องเป็นหน่วยงานสำคัญในการผลักดันให้เกิดขึ้น ที่ผ่านมา เรามีการเตรียมพร้อมทั้งระบบการดูแลผู้ป่วย เวชภัณฑ์ วัคซีน ปีหน้าจะเร่งเติมเข็ม Booster ให้ได้ครอบคลุมที่สุด ก็หวังว่า ความทุ่มเทของเรา จะทำให้ประเทศไทยฟื้นตัว และยืนได้อย่างเข้มแข็งอีกครั้ง ต้องฝากพี่น้องชาวสาธารณสุข ร่วมแรงร่วมใจ และขอขอบคุณอย่างยิ่งกับความพยายามที่ผ่านมา”