ทั่วโลกต่างเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 นานนับ 2 ปี ตัวเลขผู้ติดเชื้อแต่ละประเทศสลับขึ้นลงตามธรรมชาติของไวรัสที่มีการกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง
เป็นความเหนื่อยล้าอย่างปฎิเสธไม่ได้ โดยเฉพาะบุคลากรสาธารณสุข แพทย์ พยาบาล อสม. ตำรวจ ทหาร ไปจนถึงจิตอาสาประชาชน ด่านปราการสำคัญที่ช่วยเหลือทุกคนในประเทศ
ในภาคการบริหาร รองหนูฯ ไม่เคยลดละความพยายาม ในการต่อสู้กับโรคร้าย
ภาคการทำงาน รองหนูฯ ไม่เคยปล่อยให้คนทำงานต้องโดดเดี่ยว ตลอดเวลาที่การระบาดเริ่มขึ้น
เราจะเห็นภาพ รมว.สาธารณสุข ลงพื้นที่จริง ซักถามปัญหา ข้อเสนอต่างๆ ที่เกิดขึ้นหน้างาน
พร้อมรับทุกข้อคิดเห็นมาปรับปรุงแก้ไข หรือสนับสนุนอย่างเต็มที่
รองฯหนู รับทราบปัญหา และหาทางแก้มาตลอด
เป็นที่มาของ โรงพยาบาลบุษราคัม ที่เกิดขึ้นเพื่อรองรับผู้ป่วยอาการสีเหลือง เปิดพื้นที่ให้มีเตียงเพียงพอสำหรับผู้ป่วยอาการหนัก
เมื่อการฉีดวัคซีนในเมืองหลวง มีอุปสรรค
ท่านรองฯ จึงเปิดศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เป็นหน่วยเสริมของกระทรวงฯ ที่ท่านรองฯ ใช้การบริหารที่มีในมือให้เกิดประโยชน์สูงสุด
วันนี้ศูนย์บางซื่อฯ ได้ฉีดวัคซีนให้คนกรุงเทพฯ มากกว่า 1 ล้านโดส
ภารกิจวัคซีนเพื่อคนไทย เป็นสิ่งที่สำคัญและเร่งด่วนอย่างยิ่ง
คนหน้างาน เจ้าหน้าที่บริการวัคซีน สมควรได้รับเครื่องทุ่นแรง
ดังนั้น เพื่อลดท่อนเวลาของคนทำงาน รองหนูฯ ได้ขอร้องไปยัง ท่านอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ให้ช่วยพัฒนาเครื่องมือดึงวัคซีนที่มีความแม่นยำ และใช้เวลาน้อยลง
จนมาเป็น เครื่องดึงวัคซีนอัตโนมัติ ที่สามารถดึงวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าได้ 12 โดสต่อขวดตามนโยบายของท่านรองฯ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงวัคซีนมากขึ้น ด้วยเวลาเพียง 4 นาทีเท่านั้น
คนทำงานเห็นในสิ่งเหล่านี้เป็นที่ประจักษ์ ทุกท่านต่างขานรับนโยบายอย่างเต็มที่
แม้บางทีจะมีเหนื่อย มีล้า แต่ท่านรองฯ จะเป็นแรงผลักดัน ด้วยพลังบวก ด้วยคำขอบคุณ และความเห็นอก เห็นใจ
เป็นที่รับทราบกันในคนทำงานว่าท่านรองฯ นั้น ถ้าเรื่องงานแล้ว
จะไม่รู้จักคำว่า
“ลด ละ เลิก” อย่างแน่นอน