สถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ทั่วโลก พุ่งทะยานอีกครั้ง มีผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 188 ล้านคน และเสียชีวิตเป็นจำนวนกว่า 4 ล้านคน
เป็นวิกฤติที่ทั่วโลก กำลังเผชิญ
ประเทศไทยเอง ก็กำลังเจอกับสถานการณ์ที่สาหัส ที่ สธ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องทำงานอย่างหนักหนา เพื่อกู้สถานการณ์ให้ได้
ในความสาหัสที่ทุกคนต้องเผชิญ
รู้หรือไม่
– ประเทศไทยมียอดเสียชีวิตต่ออัตราการติดเชื้อที่ 0.8%
ขณะที่ทั่วโลก ตัวเลขตรงนี้อยู่ที่ 2.1 %
– การฉีดวัคซีนของไทย ทะยานขึ้นมาอยู่อันดับ 3 ของอาเซียนแล้ว ด้วยยอดฉีดกว่า 12 ล้านโดส และกำลังจ่อแซงอันดับ 2 แบบหายใจรดต้นคอ วัคซีนที่ไทยใช้ผ่านการรับรองของ WHO แล้วทั้งสิ้น
– บุคลากกรการแพทย์ ได้วัคซีนไปแล้วกว่า 7 แสนคน
– ไทยมีสต็อกยาฟาวิพิราเวียร์ยืนพื้นที่ 5 ล้านโดส และกำลังสั่งเข้ามาเพิ่มอีก 15 ล้านโดส
– เรามีพนักงานข้าราชการกระทรวง สธ.กว่า 3.8 หมื่นตำแหน่งที่ได้บรรจุเป็นข้าราชการ เพื่อเพิ่มกำลังพลไว้สู้กับโรคระบาด
– เราเปิดโรงพยาบาลบุษราคัม( 5 พันเตียง) ศูนย์แรกรับอาคารนิมิบุตร และกำลังจะเปิดโรงพยาบาลชั่วคราวที่อาคาร SAT1 สุวรรณภูมิ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในกรุงเทพมหานคร
ขณะที่ในต่างจังหวัดได้ตั้งโรงพยาบาลสนาม เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
– เรากำลังเร่งผลักดันให้ไทยสามารถผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ได้เอง และน่าจะเสร็จสิ้นในเดือนกรกฎาคมนี้
– ไทยกำลังเร่งเครื่องเพื่อผลิตวัคซีนแบรนด์ไทย และพบว่ามีความคืบหน้าอย่างยิ่งทั้งจากทีมจุฬาฯ ซึ่งทดลองในมนุษย์แล้ว รวมไปถึงจากทีมใบยาไฟโต้ฟาร์ม และจาก อภ.
– ไทยได้ติดต่อนานาชาติ รวมไปถึงผู้ผลิต นำวัคซีนเข้ามาอย่างต่อเนื่องทั้งจากรูปแบบการสนับสนุน และการซื้อหา เราจะมีวัคซีนในหลากหลายรูปแบบ ทั้ง เชื้อตาย, Viral Vector, mRNA และรูปแบบอื่นๆ ที่มีความเหมาะสม
ฯลฯ
ท่านรองฯ และคนไทย กำลังทุ่มเทสุดพลัง ต่อสู้กับโรคระบาดที่รุนแรงที่สุดในรอบ 100 ปี
เราต่างเจ็บปวด เราต่างเหน็ดเหนื่อย เราต่างสูญเสีย เราแค้นเคือง เราเมื่อยล้า
แต่สิ่งที่ทุกคนมีคือ #ความหวัง
และสิ่งที่ทุกคนต้องการเหมือนกัน
คือ #กำลังใจ
