การที่พรรคการเมืองหนึ่งผ่านร้อนหนาวบนถนนการเมืองไทยที่เต็มไปด้วยกับดักขวากหนาม
อยู่ยง และก้าวเข้าสู่ปีที่ 13 เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2564
ย่อมไม่ใช่เรื่องธรรมดา
แต่ยิ่งไปกว่าการอยู่รอดคือการเติบโต และแข็งแกร่ง ของพรรคการเมืองนี้ ที่เรียกได้ว่าหักปากกาเซียนทุกสำนัก ซึ่งเคยดูแคลนว่า พรรคภูมิใจไทย จะเป็นได้แค่พรรคเฉพาะกิจ มีอายุสั้นจ้อย
กระนั้น
จากพรรคเซาะกราว เมื่อทศวรรษก่อน ปัจจุบัน นี่คือพรรคอันดับ 2 ของรัฐบาล
นี่คือ
“พรรคภูมิใจไทย” !!!!
ที่วันนี้ อยู่ในการกำกับดูแลของผู้ชายชื่อว่า
“อนุทิน ชาญวีรกูล”
นายอนุทิน ไม่ใช่คนที่พูดเก่ง ออกจะขวานผ่าซากเสียด้วยซ้ำ
เขาไม่เชื่อในเรื่องของการพูด เพราะสรรพสิ่งต่างๆ ล้วนเกิดจากการ “ลงมือทำ”
ความฝัน จะเป็นจริงได้ ถ้าทำจริง
นี่คือหลักคิดของนายอนุทิน ซึ่งกลายมาเป็นหลักการทำงานของพรรค
“อยู่พรรคผมบอกเลยว่าคุณเหนื่อยแน่ แต่คุณได้ทำงาน การเป็นนักการเมือง ก็เพราะคุณอยากทำเพื่อประชาชน ดังนั้น คุณจะได้ทำจริงๆ”
นายอนุทิน กล่าวกับลูกพรรค เพื่อบอกว่าภายใต้เสื้อภูมิใจไทย พวกท่านต้องทำอย่างไร
ที่นี่ไม่ต้องการคนพูด แต่ต้องการคนทำ
เป็นคำพูดที่มาจากใจ และการกระทำ เพราะสำหรับนายอนุทินแล้ว
เขาไม่ใช่นักคิด แต่นี่คือคนทำงานตัวจริง เสียงจริง
เมื่อครั้งพรรคลงหาเสียงเลือกตั้ง นายอนุทิน ช่วยลูกพรรคแบบไม่มีวันหยุด เพื่อต้องการสะท้อนตัวตนของเขาและพรรค ให้สมาชิกเห็น และซึมซับ นอกเหนือไปจากการเป็นขวัญกำลังใจให้ทีม
เมื่อครั้งได้เป็นรัฐมนตรี เขายิ่งทำงานหนัก เป็นทั้งแม่ทัพ และนักรบในศึกโควิด 19 ที่กระทรวงสาธารณสุข จัดการได้แบบไร้ข้อกังขา
เช่นเดียวกับนโยบายกัญชา ซึ่งปัจจุบัน พืช ที่เคยชื่อว่าเป็นยาเสพติด กลับได้รับความนิยมจากประชาชน ในการนำมาปรุงแต่งผลิตภัณฑ์ กลายเป็นทางออกหนึ่ง ของเศรษฐกิจไทย
สมาชิกพรรคภูมิใจไทย ซึมซับทุกความตั้งใจของหัวหน้าฯอนุทิน
และทุกคนขยับขับเคลื่อนเพื่อแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนแบบดุเดือด
ผู้แทนพรรคทุกคนได้ชื่อว่า “ขยันเข้าหาประชาชน” เป็นคนที่ประชาชนพึ่งพาได้
รศ.สุขุม นวลสกุล เคยเปรียบว่า พรรคภูมิใจไทย คือพรรคลงมือทำ
นี่คือ
“พรรคปฏิบัติการ”
เป็นนิยามที่คู่ควรกับนายอนุทิน และพรรค
คนปฏิบัติงาน
พรรคปฏิบัติการ
ซึ่งจะเป็นบันไดให้พรรคเติบโตสู่ปีที่ 14 15 16 และต่อๆไป โดยมีความสุขสวัสดิ์ของประชาชนเป็นเป้าหมายสูงสุด