วันนี้ (30 มีนาคม) ที่ กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงแผนบริการวัคซีนโควิด-19 ว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 จำนวน 1 ล้านโดสจากผู้ผลิต 2 บริษัท คือ ซิโนแวคและแอสตร้าเซเนก้า โดยขณะนี้ฉีดไปแล้วมากกว่า 160,000 โดสเป็นผู้ที่ได้รับเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 ส่วนเดือนเม.ย. จะมีวัคซีนซิโนแวคเข้ามาอีก 1 ล้านโดส ต่อไปในเดือน มิ.ย. วัคซีนแอสตร้าฯ ที่ผลิตในประเทศโดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ก็จะเริ่มทยอยนำฉีดให้กับประชาชนได้ถึง 10 ล้านโดสต่อเดือน
“ขณะนี้มีวัคซีนเข้ามาแล้ว ฝ่ายที่ทำงานมุ่งมั่นตั้งใจให้บริการประชาชนอย่างเต็มที่ ก็ต้องการกำลังใจกลับคืนมา เป็นกำลังใจให้สู้กับโรค ทุกวันนี้ ไทยเร่งฉีดวัคซีนที่มีอยู่ให้เร็วที่สุดเพราะวัคซีนมีอายุการใช้งาน เก็บนานไม่ได้ และเรายังมีล็อตใหญ่จะทยอยมาอีก 10 ล้านโดสต่อเดือน ท่านอธิบดีกรมควบคุมโรค ก็รายงานว่าสามารถฉีดได้ตามเป้าหมาย เรามีการปรับแผนกระจายวัคซีนไปในเมืองท่องเที่ยวและจังหวัดแนวชายแดน เช่น ภูเก็ต อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อดูแลเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง บุคลากรสาธารณสุข อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) ที่ปฏิบัติงาน จะเห็นว่าไทย ปรับแผนตามสถานการร์อยู่ตลอด” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า จากรายงาน พบว่า วัคซีนแอสตร้าฯ ที่ผลิตในประเทศไทยเป็นตามเป้าหมาย มีคุณภาพมาตรฐานระดับโลก กำหนดการจัดส่งเป็นไปตามความคาดหมาย เป็นที่น่าพอใจของทุกฝ่าย ดังนั้น หากดูจากไทม์ไลน์ที่วัคซีนแอสตร้าฯ จะทยอยฉีดได้ในเดือย มิ.ย. ก็สามารถประหยัดงบประมาณในการจัดหาวัคซีนสำรองได้ นอกจากนี้ บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ก็ได้ระบุในสัญญาว่าจะคืนค่าสนับสนุนพัฒนาศักยภาพโรงงานผลิตกลับมาในรูปแบบของวัคซีน ซึ่งก็อยู่ที่ประมาณ 4-5 ล้านโดส สำหรับฉีดให้ประชากรกว่า 3 ล้านคน ขณะเดียวกัน การเจรจาซื้อวัคซีนซิโนแวคอีก 5 ล้านโดส เราก็เปิดเป็นออฟชั่นเสริมไว้ ทางผู้ผลิตเองก็ขอเน้นจัดส่งวัคซีนที่เราได้สั่งซื้อแล้วจำนวน 1 ล้านโดสให้ทันเดือนเม.ย. ก่อน
“ประเทศไทยจะไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีที่ประเทศต่างๆ ชะลอการจัดส่งวัคซีน เพราะเราพึ่งพาตัวเองได้ ยืนได้ด้วยขาตัวเอง โดยแผนทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมายตั้งแต่แรกอยู่แล้ว การมีโรงงานผลิตในประเทศก็จะลดปัญหาการถูกตัดคิวส่งวัคซีนได้” นายอนุทิน กล่าว